เมล็ดเจียมีขนาดลำต้นสูงประมาณ 4 – 6 ฟุต สามารถปลูกได้ดีในบริเวณที่มีอากาศหนาว ปลูกกันมากในแถบทวีปอเมริกา ลักษณะของเม็ดเป็นเม็ดเล็กๆ มีเปลือกนอกที่สามารถพองตัวได้เหมือนกับเม็ดแมงลัก ในประเทศไทยพบปลูกมากในบริเวณจังหวัดลำปาง กาญจนบุรี เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับมินต์หรือกระเพรา มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโกในแถบทางตอนกลาง และตอนใต้ของประเทศและอีกที่หนึ่งคือกัวเตมาลา จากหลักฐานทางโบราณคดีได้มีการค้นพบว่า เมล็ดเจียเป็นพืชที่มีมานานแล้วกว่า 3,500 ปีก่อนสมัยคริสตกาล เดิมคืออาหารของชาวแอซเท็กโบราณ และชาวมายาที่มักจะทานกันเป็นอาหารหลักเหมือนกับอาหารธัญพืชทั่วไป โดยการทานนั้นจะเอาเมล็ดเจียมาบดรวมเข้ากันกับแป้ง คั้นน้ำออกมาใช้ดื่ม หรือเอาไว้เพื่อปรุงอาหาร ต่อมาในยุคล่าอาณานิคมของสเปน ซึ่งฝั่งอเมริกาใต้ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของสเปน ในเวลานั้นเมล็ดเจียได้ถูกจัดว่าเป็นอาหารต้องห้ามและผู้นำสเปนก็ได้ออกมาประกาศห้ามเพาะพันธุ์เมล็ดเจียอีก จึงเป็นสาเหตุให้เมล็ดเจียค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลาเดินมาถึงช่วงยุคของอเมริกาสมัยใหม่
ถึงเมล็ดเจียจะมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายแต่ก็มีข้อควรระวังบางอย่างในการทาน เพราะเมล็ดเจียนั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ดังนี้ สำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารและระบบลำไส้มีปัญหา สำหรับผู้ที่มีแก๊สในกระเพาะอาหาร มีอาการกรดไหลย้อน ถ้าหากทานเมล็ดเจียเข้าไปจะยิ่งทำให้มีอาการหนักกว่าเดิมได้ เพราะเมล็ดเจียเมื่อทานเข้าไปแล้วจะขยายตัวในกระเพาะอาหารเพิ่มกว่าปรกติได้ถึง 25% ดังนั้นจึงเป็นการกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างน้ำย่อยออกมามากกว่าเดิม จึงทำให้อาการต่างๆ หนักขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการศัลกรรมรวมไปถึงคนที่มีประวัติในการใช้ยาแอสไพรินหรือยาที่ใช้เพื่อละลายลิ่มเลือดควรงดการทานเมล็ดเจีย เพราะจะยิ่งเป็นการทำให้หลอดเลือดบาง และส่งผลให้เลือดเกิดการแข็งตัวช้ามากกว่าปรกติ เป็นเหตุให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุดหากมีบาดแผล สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ ไม่ควรทานเมล็ดเจีย เนื่องจากเมล็ดเจียจะไปส่งผลต่อแรงดันเลือดในขณะที่หัวใจเกิดการคลายตัว ซึ่งเป็นช่วงที่ความดันเลือดต่ำให้ต่ำลงไปกว่าเดิม อาจจะก่อให้เกิดอาการช็อก หน้ามืด เป็นลมหมดสติได้ สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรทานเมล็ดเจีย เพราะสารอาหารในเมล็ดเจียมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตอาจจะส่งผลกระทบต่อบุตรได้